วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ประวัติความเป็นมาของกีฬาฟุตบอล 

ฟุตบอล (Football) หรือ ซอกเกอร์ (Soccer) เป็นกีฬาที่มีคนสนใจในการเล่น และเข้าชมสูงที่สุดของโลก แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า กีฬาฟุตบอลถือกำเนิดมาจากชนชาติใด โดยเฉพาะเป็นกีฬายอดนิยมสูงสุดของโลก ก็ยิ่งทำให้ทุกๆ ประเทศมีวิวัฒนาการทางการกีฬา ยืนยันว่าเป็นกีฬาที่เกิดจากประเทศของตนทั้งสิ้น แต่ประเทศที่อ้างว่าเป็นกีฬาที่เกิดขึ้นจากตนเอง ก็ไม่สามารถหาหลักฐาน  ยืนยัน จึงเพียงแต่กล่าวว่า น่าจะเป็นไปได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ จะเป็นจริงหรือไม่อย่างใดนั้น สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกิดจากที่ใด สรุปได้ดังนี้คือ

เมื่อประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า ในประเทศจีนมีการเล่นเกมอย่างหนึ่ง เรียกว่า ซูจู (Tsu Chu) ซึ่งหมายถึง เกมที่ใช้เท้าเตะลูกบอล โดยมากการเล่นเกมนี้ จะเป็นการเล่นถวายพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ชนะจะได้รางวัลอย่างงาม ส่วนผู้แพ้บางครั้งจะถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยน

ชาวญี่ปุ่นก็เป็นอีกชาติหนึ่งที่มีเกมการเล่นในลักษณะที่ใช้เท้าเล่น เรียกว่า เกมาริ (Kemari) โดยมีการกำหนดขอบเขต และมุมของสนามด้วยต้นสน ต้นเชอรี่ ต้นเมเปิล หรือต้นวิลโล เป็นแนวเขตธรรมชาติ

ชาวโรมันในสมัยโบราณมีเกมการเล่นชนิดหนึ่งเรียกว่าฮาร์พาสเตียม (Harpastium) โดยใช้กระเพาะปัสสาวะของหมูเอามาสูบลมแล้วนำมาเตะกัน นอกจากจะเตะแล้วอาจใช้การผลัก ถือ วิ่ง ชก ขว้างปา ให้ลูกบอลไปถึงที่หมายของฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ซึ่งคล้ายกับกีฬารักบี้ฟุตบอล ในสมัยปัจจุบัน

ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี มีเกมคล้าย ๆ กันนี้ เรียกว่า กัลโช (Calcio) โดยเล่นกันที่เปียซซ่า เดลลา โครเก (Piazza della Croce) มีผู้เล่นข้างละ 27 คน แต่ละทีมจะสวมชุดเครื่องแต่งกายประจำถิ่นหรือหมู่บ้านนั้น ๆ ตามความนิยมในสมัยนั้น ปัจจุบันเกมนี้ยังคงได้รับการฟื้นฟูจากทางการของอิตาลีจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

เชื่อกันว่าชาวโรมันเป็นผู้นำเกมการเล่นแบบเตะลูกบอล (Harpastium) มายังประเทศอังกฤษ แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด จนกระทั่งหลายศตวรรษ หลังจากโรมันได้จากเกาะอังกฤษไปแล้ว ในประมาณปี พ..1343 กองทัพเดนมาร์ค ได้ยกเข้าโจมตีที่มั่นของอังกฤษที่เมืองคิงสตัน (Kingston) นักประวัติศาสตร์บางท่านบอกว่าเป็นที่มั่นเมืองเชสเตอร์ (Chester) ทหารอังกฤษที่ประจำอยู่ที่มั่นดังกล่าว ได้ต่อสู้เป็นสามารถ ในที่สุดเมื่อได้รับการสนับสนุนจากเมืองหลวง คือ ลอนดอน (London) ก็สามารถตีกองทัพเดนมาร์คแตกพ่ายไป แม่ทัพเดนมาร์คถูกฆ่าตาย และทหารอังกฤษได้ตัดเอาศีรษะของเขามาเตะเล่นกันไปรอบ ๆ ค่ายทหาร วันที่อังกฤษได้รับชัยชนะนั้น คือ วันมาดิกราส์ (Shrove Tuesday) ซึ่งต่อมาถือเป็นวันสำคัญแห่งชาติอังกฤษไป เกมการเตะศีรษะคนก็เปลี่ยนมาเป็นเกมการเตะลูกบอลที่ทำด้วยหนัง กลายเป็นกิจกรรมสำคัญสำหรับฉลองในเทศกาลวันสำคัญดังกล่าว และแพร่หลายไปตามชนบท คนทั้งหมู่บ้านออกมาเตะฟุตบอลเล่นกัน ผู้เล่นสามารถใช้ทุกส่วนสัมผัสลูกบอลได้ ประตูซึ่งอาจจะเป็นประตูเมือง หรือต้นไม้ จะอยู่ห่างกันหลายร้อยเมตร เป็นการเล่นที่รุนแรง (ถูกนำมาใช้ทำให้เกิดความเสียหายและบาดเจ็บต่อผู้เล่นเป็นจำนวนมาก จนบางครั้งดูเป็นความโหดร้ายป่าเถื่อน จนถึงขึ้นการจลาจลบ่อย ๆ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ และพระเจ้า 
    ริชาร์ดที่ จึงได้ทรงห้ามไม่ให้มีการเล่นเกมฟุตบอลที่โหดร้ายนี้อีกต่อไป แต่ก็ยังมีการเล่นอยู่ประปราย
ความรุนแรงของการเล่นฟุตบอลค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งปี พ ..2243 โรงเรียนที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ เช่น โรงเรียนรักบี้ (Rugby) และโรงเรียนอีตัน (Eton) ก็นำเกมฟุตบอลมาฟื้นฟู มีการพยายามกำหนดกฎ กติกาการเล่น แต่ก็ยังไม่เป็นมาตรฐาน เพราะแต่ละแห่งจะสร้างกติกา เพื่อประโยชน์ของทีมตนเองทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎกติกาการเล่นของแต่ละแห่งทำให้นักกีฬาใหม่ขึ้นมาอยู่ ลักษณะ คือ ไปในแนวทางรักบี้ฟุตบอล (Rugby Football) และฟุตบอล (Soccer or Association Football)

ปี พ ..2343 กีฬาฟุตบอลได้รับการพัฒนาให้มีการเล่นที่สุภาพมากขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี พ..2406 โดยการรวมกลุ่มของสโมสรฟุตบอลในลอนดอน 11 แห่ง เพื่อร่วมกันปรับปรุง แก้ไข กฎ กติกา การเล่นให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอันถือว่าเป็นการเริ่มต้นการเล่นกีฬาฟุตบอลในรูปแบบปัจจุบัน 

การเล่นฟุตบอลในประเทศอังกฤษได้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการเผยแพร่ของทหารบกและทหารเรือของอังกฤษ ซึ่งขณะนี้มีประเทศที่เป็นอาณานิคมอยู่แทบทุกหนทุกแห่ง จึงได้มีการก่อตั้งสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (The Federation International de Football Association) หรือเรียกว่า ฟีฟ่า (F.I.F.A.) โดยมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประเทศสมาชิกก่อตั้ง ประเทศ ปัจจุบันนี้มีประเทศต่าง ๆ สมัครเป็นสมาชิกเกือบ 200 ประเทศ

ปัจจุบันฟุตบอลถือได้ว่าเป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่ง มีการจัดการแข่งขันรายการต่าง ๆ มากมาย ทั้งระดับภายในประเทศ ระดับนานาชาติ และ ระดับโลก การแข่งขันที่ถือว่าเป็นสุดยอดของรายการแข่งขันฟุตบอล ได้แก่ การแข่งขันฟุตบอลโลก (World Cup)  ซึ่งจะมีการแข่งขันทุกๆ   ปีต่อครั้ง โดยเริ่มจัดการแข่งขันครั้งแรกที่ประเทศอุรุกวัย เมื่อปี พ.. 2473 และอุรุกวัยเป็นประเทศแรกที่ชนะเลิศฟุตบอลโลก ได้ครองถ้วย จูล ริเมต์ (Jules Rimet) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มให้มีการแข่งขันฟุตบอลโลกขึ้น และประกอบกับท่านเป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลโลก หรือ F.I.F.A. ในขณะนั้นด้วย ต่อมาถ้วยใบนี้ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศบราซิล เมื่อบราซิลเป็นประเทศแรกที่ชนะเลิศฟุตบอลโลกครบ ครั้ง เมื่อปี พ..2513 ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพ F.I.F.A.      จึงได้จัดทำถ้วยใบใหม่เพื่อจัดการแข่งขันต่อไป ซึ่งทวีปเอเชียได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี พ.. 2545 ณ ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และ ปี พ.ศ. 2549  ประเทศเยอรมัน ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน  มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้าย  32  ทีม จากทุกทวีป

นอกจากการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว ยังมีการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติที่น่าสนใจ และมีชื่อเสียงหลายรายการ ดังนี้ 
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปยุโรป แข่งขันทุก ๆ ปีต่อครั้ง
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปอเมริกาใต้ 
ฟุตบอลเยาวชน อายุไม่เกิน 19 ปี
ฟุตบอลโอลิมปิกฤดูร้อน 
                

ประเทศที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับฟุตบอล มักจะอยู่แถบทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ แต่ละประเทศจะจัดดำเนินการแข่งขันรายการฟุตบอลภายในประเทศเป็นระบบอาชีพ (Professional Football) โดยจัดตั้งเป็นสโมสร (Club) มีสมาชิก (Fan-Club) ให้การสนับสนุนและคอยให้กำลังใจผู้เล่นของสโมสรที่ไปทำการแข่งขันสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในทวีปยุโรป มีหลายสโมสรที่น่าสนใจ ดังนี้ 
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล อาร์เซนัล นิวคาสเซิล จากประเทศอังกฤษ 
เอ .ซี มิลาน  จูเวนตุส อินเตอร์มิลาน จากประเทศอิตาลี
บาเยิร์น มิวนิค เอฟซี โคโลญ ซอลเก้ 04 จากประเทศเยอรมัน
บาร์เซโลน่า เรียล แมดริด คอรุนยา  จากประเทศสเปน 
อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม  พีเอสวี ไฮนโอเพ่น จากประเทศฮอลแลนด์ 
เอฟซี ปอร์โต  เบนฟิก้า จากประเทศโปรตุเกส 
การจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี มีดังนี้ 
ฟุตบอล กัลโช ซีรีส์ เอ (Calcio Series A) ของ อิตาลี
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก (Primier League) ของ อังกฤษ
ฟุตบอล บุนเดสลิกา (Bundesliga) ของ เยอรมัน

สโมสรในทวีปต่าง ๆ ยังมีการนำเอาแชมป์ของสโมสรในประเทศมาแข่งขันกันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งของสโมสรในแต่ละทวีปด้วย ในทวีปยุโรปจัดการ แข่งขัน ดังนี้ 

ฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์ยุโรป (European Champion Clubs Cup) เป็นการเอาแชมป์สโมสรดิวิชั่น ของประเทศมาแข่งขันกัน

ฟุตบอลยูฟ่าคัพ (U.E.F.A. Cup) เป็นการนำเอาแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ ของแต่ละประเทศ และอัน 1, 2 หรือ ของฟุตบอลดิวิชั่น ของแต่ละประเทศมาแข่งขันกัน

ฟุตบอลคัพ วินเนอรส์ คัพ (Cup-Winners-Cup) เป็นการนำเอาแชมป์ฟุตบอล เอฟ.เอ.คัพ ของแต่ละประเทศมาแข่งขันกัน

สำหรับฟุตบอลในทวีปเอเชีย มีรายการฟุตบอลอาชีพภายในประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่ ฟุตบอล เจ .ลีก ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรวบรวมเอานักเตะที่มีชื่อเสียงของโลก ร่วมกับนักเตะที่เด่น ๆ ของญี่ปุ่นเองมาทำการแข่งขันเป็นรายการฟุตบอลอาชีพ นอกจากนี้ ก็มีรายการฟุตบอลในประเทศเกาหลีใต้ และจีน ด้วย

ในสหรัฐอเมริกา หลังจากล้มเหลว ในการจัดตั้งสโมสรและจัดการ แข่งขันฟุตบอลลีก เมื่อปี พ ..2513 ต่อมาเมื่อสหรัฐเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก (World Cup) ในปี พ..2537     ก็ได้มีการรื้อฟื้นการแข่งขันฟุตบอลลีกขึ้นใหม่ ภายใต้ชื่อว่า เมเจอร์ ลีก (Major Leaque) เริ่มทำการแข่งขันในปี พ..2539

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รูปประจำตัว


เพลงที่ชอบ


ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
ในยุคแห่งสังคมข่าวสารเช่นปัจจุบัน การสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ยิ่งทวีความสำคัญมาก ขึ้นเป็นลำดับเครือข่าคอมพิวตอร์ให้แลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกันได้โดยง่าย ในปัจจุบันมี เครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงไปทั่วโลก ผู้ใช้ในซีกโลกหนึ่งสามารถติดต่อกับผู้ใช้ในซีกโลกหนึ่ง ได้อย่างรวดเร็วเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันในชื่อของ"อินเทอร์เน็ต"(Internet) จัดว่าเป็น เครือข่ายที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในยุคของสังคมข่าวสารปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตมีขอบข่ายครอบ คลุมพื้นที่แทบทุกมุมโลกสมาชิกในอินเทอร์เน็ตสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ที่จุดใด ๆ เพื่อส่งข่าวสารและข้อมูลระหว่างกันได้บริการข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีหลากรูปแบบและมีผู้นิยมใช้ ้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จากการคาดการณ์โดยประมาณแล้วปัจจุบันมีเครือข่ายทั่วโลกที่เชื่อมเข้าเป็น อินเทอร์เน็ตราว 45,000 เครือข่าย จำนวนคอมพิวเตอร์ในทุกเครือข่ายรวมกันคาดว่ามีประมาณ 4 ล้านเครื่อง หรือหากประมาณจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกคาดว่ามีประมาณ 25 ล้านคน และ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เราจึงกล่าวได้ว่า อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายมหึมาที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ที่สุด มีการขยายตัวสูงที่สุด และมีสมาชิกมากที่สุดเมื่อเทียบกับเครือข่ายอื่นที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตมิได้เป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเจาะจงหากแต่มี ประวัติความเป็นมาและมีการ พัฒนามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเกิดของเครือข่ายอาร์พาเน็ต ในปี พ.ศ.2512ก่อนที่จะก่อตัวเป็น อินเทอร์เน็ตจนกระทั่งถึงทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตมีพัฒนาการมา จากอาร์พาเน็ต ( ARPAnet ) ซึ่งเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายใต้ การรับผิดชอบของ อาร์พา ( Advanced Research Projects Agency ) ในสังกัดกระทรวงกลาโห ของสหรัฐอเมริกาอาร์พาเน็ต ในขั้นต้นเป็นเพียงเครือข่ายทดลองที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุนงานวิจัยด้านการทหารและ โดยเนื้อแท้แล้วอาร์พาเน็ตเป็นผลพวงมาจากการเมืองโลกในยุคสงครามเย็นระหว่างค่าย คอมมิวนิสต์และค่ายเสรีประชาธิปไตย ยุคสงครามเย็น ในทศวรรษของปีพ.ศ.2510 นับเป็นเวลาแห่งความตึงเครียดเนื่องจากภาวะ สงครามเย็นระหว่างประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์และค่ายเสรีประชาธิปไตย สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำ กลุ่มเสรีประชาธิปไตยได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการทดลองเพื่อค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีด้านระบบคอมพิวเตอร์ช่วงท้ายของทศวรรษ 2510 ห้องปฏิบัติการวิจัย ในสหรัฐ ฯ และในมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆล้วนแล้วแต่มีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยในยุคนั้นติดตั้งอยู่ 

คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะแยกกันทำงานโดยอิสระมีเพียงบางระบบที่ตั้งอยู่ใกล้กันเท่านั้นที่สื่อสารกันทางอิเล็กทรอนิกส์แต่ก็ด้วยความเร็วต่ำ ห้องปฏิบัติการหลายแห่งได้พัฒนาระบบสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น หากแต่ยังไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน ปัญหาและ อุปสรรคสำคัญ คือคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายจะต้องอยู่ในสภาพทำงานทุกเครื่องหากเครื่องใดเครื่องหนึ่งหยุดทำงานลง การสื่อสารจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้จนกว่าจะตัดเครื่องออกไปจาก เครือข่ายข้อจำกัดนี้ทำให้ระบบเครือข่ายไม่อยู่ในสภาพที่เชื่อถือได้และลำบากต่อการควบคุมดูแล โครงการอาร์พาเน็ต อาร์พาเป็นหน่วยงานย่อยของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ฯ ทำหน้าที่สนับสนุนงานวิจัยพื้นฐานทั้งด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ อาร์พาไม่ได้ทำหน้าที่วิจัยโดยตรงอีกทั้งยังไม่มีห้องทดลอง เป็นของตนเอง หากแต่กำหนดหัวข้องานวิจัยและให้ทุนแก่หน่วยงานอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชนที่ทำงานวิจัยและพัฒนา อาร์พาได้จัดสรรทุนวิจัยเพื่อทดลองสร้างเครือข่ายให้คอมพิวเตอร์สามารถแลก เปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ในชื่อโครงการ"อาร์พาเน็ต" ( ARPAnet ) โดยเริ่มต้นงานวิจัยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2512 รูปแบบเครือข่ายอาร์พาเน็ตไม่ได้ต่อเชื่อมโฮสต์ ( Host ) คอมพิวเตอร์เข้าถึงกันโดย ตรง หากแต่ใช้คอมพิวเตอร์ เรียกว่าIMP ( Interface Message Processors ) ต่อเชื่อมถึงกันทางสาย โทรศัพท์เพื่อทำหน้าที่ด้านสื่อสารโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละIMP สามารถเชื่อมได้หลายโฮสต์